วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สวนพฤกษศาสตร์

                                        ต้นกะท้อน

กระท้อน ภาษาอังกฤษ Santol, Sentul, Red Sentol, Yellow Sentol
กระท้อน ชื่อวิทยาศาสตร์ Sandoricum koetjape ( Burm. f.) Merr. 
วงศ์    MELIACEAE 
ชื่ออื่น สะตู สตียา (นราธิวาส), สะโต (ปัตตานี), เตียนล่อน สะท้อน (ภาคใต้), มะติ๋น (ภาคเหนือ), มะต้อง (อุดรธานี,ภาคเหนือ) เป็นต้น


ลักษณะของกระท้อน
  • ต้นกระท้อน เชื่อว่ามีถิ่นกำเนิดแถวอินโดจีนและมาเลเซียตะวันตก ก่อนจะแพร่ขยายไปในอินเดีย อินโดนีเซีย มอริเชียส และฟิลิปปินส์จนกลายเป็นพืชท้องถิ่นไป โดยจัดเป็นไม้ยืนต้นสูงประมาณ 15-30 เมตร เปลือกต้นเป็นสีเทา
กระท้อนประโยชน์



  • ใบกระท้อน ลักษณะของใบเป็นใบประกอบ ใบย่อยมี 3 ใบ คล้ายรูปรีแกมไข่ เมื่อใบแก่จัดจะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดง โดยความกว้างของใบประมาณ 6-15 เซนติเมตร และยาว 8-20 เซนติเมตร
ใบกระท้อน
  • ดอกกระท้อน ลักษณะของดอกกระท้อน กลีบดอกเป็นสีเหลืองนวล ออกดอกเป็นช่อที่ซอกใบปลายกิ่ง และมีดอกย่อยจำนวนมาก






  • ผลกระท้อน รูปทรงกลมแป้น ผิวมีขนคล้ายกำมะหยี่อ่อนนุ่ม ผลอ่อนจะมีสีเขียวมีน้ำยางสีขาว เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและมีน้ำยางที่น้อยลง ผลกระท้อน มีขนาดประมาณ 5-15 เซนติเมตร ภายในมีเมล็ด 4-5 เมล็ดและมีปุยสีขาว ๆหุ้มเมล็ดอยู่ และเมล็ดมีรูปรีมีปลอกเหนียวห่อหุ้มอยู่
ผลกระท้อน


สายพันธุ์กระท้อน สำหรับสายพันธุ์ของกระท้อนที่ได้รับความนิยมนั้นเป็นพันธุ์กระท้อนห่อที่มีรสหวาน ได้แก่ 

พันธุ์ปุยฝ้าย

พันธุ์ปุยฝ้ายหรือปุยฝ้ายแท้เป็นกระท้อนพันธุ์พื้นเมืองของ ต.ตะลุง เป็นที่นิยมบริโภคมากที่สุด เพราะผลกระท้อนมีรสหวาน มีเปลือกที่นิ่มเหมือนกำมะหยี่ และเม็ดกระท้อนมีปุยเหมือนปุยฝ้าย จึงเป็นกระท้อนที่จำหน่ายได้สูงสุด ขนาดของผลมีตั้งแต่เล็กไปถึงใหญ่ สีเหลืองนวลสวย ผลกลมแป้น เม็ดกระท้อนจะมีปุยมากกว่าสายพันธุ์อื่น ปุยกระท้อนเมื่อทานไปแล้วจะเหมือนว่า ปุยกระท้อนละลายในปาก ชาวสวนกระท้อนนิยมเรียกว่าปุยฝ้ายแท้ เป็นพันธุ์ที่กลายมาจากพันธุ์ทองหยิบ

พันธุ์อีล่า

พันธุ์อีล่าหรือปุยฝ้ายเกษตรเป็นกระท้อนพันธุ์พื้นเมือง จ.ปราจีนบุรี ซึ่งชาวบ้าน ต.ตะลุง ได้รับแจกสายพันธุ์มาจากกระทรวงเกษตร เล่ากันว่าชาวปราจีนบุรี เรียกกระท้อนพันธุ์นี้ว่าปุยฝ้ายเหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่รสชาติที่กระท้อนอีล่าเมื่อยังไม่แก่จัดจะมีรสอมเปรี้ยว และผลกระท้อนจะมีขนาดใหญ่มากบางผลน้ำหนักถึง 0.9 กิโลกรัม ขนาดของผลมีขนาดใหญ่ ผิวจะไม่เรียบ สีโทนเหลืองสด ผลคล้ายเป็นจุก รสอมเปรี้ยวเมื่อยังไม่แก่จัด หากผลแก่รสชาติจะหวานมีปุยเหมือนปุยฝ้ายกระท้อนพันธุ์อีล่า มักจะสุกช้ากว่ากระท้อนทุกพันธุ์

พันธุ์ทับทิม

เป็นกระท้อนพันธุ์เมืองดั้งเดิม ของ ต.ตะลุง แต่ไม่มีคนรู้จักมากนัก เนื่องจากมีชาวสวนที่ปลูกกระท้อนพันธุ์ทับทิมไม่มาก แต่ด้วยรสชาติที่มีรสหวาน ลักษณะผลกลม มีขนาดไม่ใหญ่มาก สีเหลืองนวล ผิวกระท้อนเรียบเนียนสวย เปลือกนิ่ม ผลกลม

พันธุ์นิ่มนวล

เป็นกระท้อนที่มีลักษณะ เปลือกบาง เนื้อหนานิ่ม ไม่กระด้าง ปุยหุ้มเมล็ดหนาฟู รสหวานจัดเป็นสายพันธุ์ที่นิยมบริโภคกันมาก ทรงผลกลมแป้น มีขั้วสั้น ผิวเปลือกเรียบมีสีเหลืองอมน้ำตาล เปลือกบาง ขนาดผล 300 - 600 กรัมต่อผล ผลกลม
กระท้อน เป็นผลไม้ที่มีธาตุโพแทสเซียมสูง จึงไม่ค่อยเหมาะนักสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคไต เพราะผู้ป่วยบางรายอาจจะมีภาวะโพแทสเซียมสูงอยู่แล้ว จึงต้องควบคุมการรับประทานโพแทสเซียมเป็นพิเศษ และสำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้เป็นโรคไตก็ไม่ควรประมาท เนื่องจากมีการตรวจพบว่ากระท้อนก็มีสารฟอกขาว (สารโซเดียมไฮโดรซัลไฟต์) ปนเปื้อนได้เช่นกัน ซึ่งหากได้รับเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมากจะเกิดอาการอักเสบตามอวัยที่สัมผัส เช่น ปากและกระเพาะอาหาร รวมไปถึงมีอาการแน่นหน้าอก ปวดท้อง อาเจียนอีกด้วย

สรรพคุณของกระท้อน

  1. ใช้ทำเป็นยาธาตุ (ราก)
  2. ใช้ใบสดต้มอาบแก้ไข้ (ใบ)
  3. ใบกระท้อน สรรพคุณช่วยขับเหงื่อ (ใบ)
  4. สรรพคุณของกะท้อน รากกระท้อนช่วยแก้บิด (ราก)
  5. ช่วยแก้อาการท้องเสีย (ราก)
  6. ใช้ทำเป็นยาขับลม (ราก)
  7. กระท้อนสรรพคุณใช้เป็นยาฝาดสมาน (ผล)
  8. ช่วยรักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน (เปลือก)
  9. สรรพคุณกระท้อน หลายส่วนของกระท้อนมีสรรพคุณออกฤทธิ์แก้อาการอักเสบ
  10. สารสกัดจากเมล็ดกระท้อนมีฤทธิ์เป็นยาฆ่าแมลง
  11. สารสกัดจากกิ่งกระท้อนมีผลยับยั้งมะเร็งในหลอดทดลองได้

ประโยชน์ของกระท้อน

  1. กระท้อนประโยชน์ ผลใช้รับประทานเป็นอาหาร ใช้ทำอาหารคาวหวานได้หลากชนิด เช่น แกงคั่ว แกงฮังเล ผัด ตำกระท้อน ส่วนอาหารหวานก็เช่น กระท้อนทรงเครื่อง กระท้อนลอยแก้ว กระท้อนดอง กระท้อนกวน กระท้อนแช่อิ่ม เยลลี่กระท้อน แยมกระท้อน น้ำกระท้อน หรือใช้กินเป็นผลไม้สดก็ได้เช่นกัน (ผล)
  2. ประโยชน์กระท้อน ลำต้นใช้ทำเป็นไม้ใช้สอยต่าง ๆ เช่น ทำไม้กระดาน เป็นต้น (ต้น)
  3. ประโยชน์ของกระท้อน กระท้อนเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว มีฤทธิ์เย็น จึงเหมาะกับผู้ที่เกิดในเดือนสิงหาคม กันยายน และตุลาคม ซึ่งธาตุเจ้าเรือนอยู่ในธาตุน้ำ

คุณค่าทางโภชนาการของกระท้อนต่อ 100 กรัม 


  • โปรตีน 0.118 กรัม
  • ไขมัน 0.1 กรัม
  • ใยอาหาร 0.1 กรัม
  • ธาตุแคลเซียม 4.3 มิลลิกรัม
  • ธาตุฟอสฟอรัส 17.4 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก 0.42 มิลลิกรัม
  • แคโรทีน 0.003 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี1 0.045 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี3 0.741 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 86.0 มิลลิกรัม

                                                         รูปภาพส่วนต่างๆของกระท้อน










                                                            รูปภาพอาหารที่ทำจากกระท้อน












                                                                 วีดีโอเกี่ยวกับต้นกระท้อน







อ้างอิง 
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99

https://www.google.co.th/search?sclient=psy-ab&biw=1600&bih=755&q=%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99&oq=%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99&gs_l=serp.3..0i7i30l3j0i7i10i30.4990.8340.0.8739.6.6.0.0.0.2.664.2196.2-3j2j0j1.6.0....0...1c.1.64.psy-ab..2.4.1205.35IY95dLWiE&pbx=1&cad=cbv&sei=0iqjVdPDNI6_uASStaHwAw

http://frynn.com/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น