วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

                          ขนมผักกาดนึ่ง


ปัจจุบัน เราจะเห็นขนมผักกาดผัดไข่ที่ใส่เครื่องครบครันแบบนี้น้อยร้านมากแล้วค่ะ
ส่วนมากเค้าใส่แค่หัวผักกาดขูดลงไปเท่านั้น เวลานำมาผัดใส่ซีอิ๊วดำก็มองไม่ออกแล้ว
อีกทั้งต้นทุนค่อนข้างสูงจากกุ้งแห้งและเห็ดหอม ดังนั้นสูตรนี้จึงนิยมทำทาน
แบบนึ่ง เสิร์ฟแบบ ติ่มซำ มากกว่า 

จิ้มน้ำจิ้มซีอิ๊วดำเปรี้ยวหวาน ตลาดเก่าๆ ย่านคนจีน หรือตามร้านติ่มซำตามโรงแรม ยังมีให้เห็นอยุ่ครบเครื่องทานได้ทั้งนึ่งเสร็จแล้ว ทอด
หรือไม่ทอดก็ได้ แต่ถ้าเสิร์ฟแบบติ่มซำแล้วส่วนมาก

ก็ครบเครื่องค่ะ เพียงแต่บางร้านใส่หลากหลายตามแต่จะประยุกต์ 


มีอยู่สูตรหนึ่งค่ะ อร่อย เคยไปทานที่ใต้ แต่จำไม่ได้ว่าร้านอะไรค่ะ เค้าใส่เผือกด้วยผสมไปกับไชเท้าเลย เครื่องอื่นก็เหมือนเดิม แล้วถามเค้าว่าทำไมสีมันหม่นๆ 
จากเผือกหรือปล่าว เค้าก็ใจดี คอฟฟี่เบคก็ชอบถาม 555 เค้าบอกว่าเอาไปผัดก่อน
แต่ใส่ซีอิ๊วครึ่งเดียว ใส่เกลือครึ่งหนึ่งไม่ให้สีคล้ำมาก เอามาลองทาน อร่อยอ่ะค่ะ
ใครชอบทานเอาไปทำเลยนะคะ เดี๋ยววันหลังคอฟฟี่เบคว่าจะทำอีกเหมือนกัน แต่
วันนี้ไม่ใช่สูตรนี้น๊ะ เอาไว้ก่อนค่ะ 







ส่วนผสม



แป้งข้าวจ้าว 3/4 ถ

แป้งท้าว 2 ช.ต.

น้ำเปล่า3/4 ถ.ต. 

หัวผักกาด 120-150 กรัม

กุ้งแห้ง 1/4 ถ.

ถั่วลิสงต้ม 1/4 ถ.ต

เห็ดหอม 3 ดอก

เกลือ 1/2-3/4 ชช..ถ้าทานเป็นติ่มซำอย่าให้เค็มมาก ใช้มือแตะชิมได้

น้ำตาลทราย 1 ช.ต.

ทำเป็นติ่มซำอย่างเดียว ปรับปริมาณน้ำเพิ่มได้สำหรับสูตรนี้ 


ปล.สูตรนี้เนื้อขนมผักกาดไม่นิ่มมากนะคะ ถ้าสังเกตุจะเห็นว่าคอฟฟี่เบคผัด
ออกมาไม่เละเลย ถ้าชอบนิ่มให้เติมน้ำ 1 ถ้วยเลยค่ะ หรือถ้าชอบให้มัน
หนึบหนับหน่อยก็ปรับแป้งท้าวเป็น 1/4 ถ้วยตวงแล้วตักแป้งข้าวจ้าวออก 2 ชต โดยใส่น้ำ 1 ถ้วยตวงก็ได้ค่ะ

เพิ่มเติม* edit 29-11-53








ขั้นเตรียม


ขูดหัวผักกาด เป็นเส้นใหญ่หรือเส้นเล็กตามชอบ แต่ส่วนมากจะขูดเป็นเส้นใหญ่
แต่สูตรนี้ขอเป็นเส้นเล็กนะคะ ใส่น้ำลงไปล้าง แล้วคั้นน้ำทิ้ง ถ้าแพ้ก็ใช้ช้อนคน
ความจริง น้ำจากหัวผักกาดมีประโยชน์มากมาย แต่ขนมผักกาดถ้าไม่บีบน้ำ
รสจะขื่นหัวผักกาดไปหน่อย 





แช่เห็ดหอมให้นิ่ม นำมาหั่นเป็นเส้นบางๆ ตามยาว แล้วนำลงแช่อีกรอบให้น้ำ
ซึมเข้าเนื้อในอย่างทั่วถึง





ต้มถั่วลิสงให้สุก แล้วตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำพักไว้ในตะแกรง





แช่กุ้งแห้งให้นิ่ม พอนิ่มนำขึ้นมาไม่ต้องบีบน้ำทิ้ง





ขั้นปรุง (วิธีทำ)


1. เทแป้งข้าวจ้าวกับแป้งท้าว ในชามผสม เติมน้ำทีละน้อยจนหมดและ
นวดจนแป้งไม่เป็นเม็ด(แป้งท้าวยายม่อมเป็นเกล็ดหยาบ จึงต้องนวดให้
เนียนค่ะ จากนั้น เติมน้ำตาลทราย เกลือป่น คนให้ละลาย



2.ใส่หัวผักกาดคนให้ทั่วกัน จากนั้นใส่ กุ้งแห้ง เห็ดหอม และถั่วลิสง อย่างละครึ่ง
ส่วนอีกครึ่งเก็บไว้โรยหน้าก่อนนำลงนึ่ง เครื่องจะได้ไม่จมลงหมด และดูน่าทาน




3. ทาน้ำมันที่พิมพ์ ใช้พิมพ์ขนาด 3 1/2 นิ้ว x 6 นิ้ว หนา 1 นิ้ว และเพิ่มพิมพ์
หยัก 1 ใบ ค่ะ โชว์ไว้ 2 ใบ แต่ใส่ไม่พอ...ใส่พิพม์หยักแบบนี้ก็น่าทานไปอีกแบบ
แต่ไม่เห็นรอยตัดด้านในที่เต็มไปด้วยเครื่องต่างๆ ก็แตกต่างกันเล็กน้อยตรงนี้
แล้วแต่ว่าเราชอบแบบไหน
4. โรยแต่งหน้าขนมผักกาดก่อนนึ่งอีกครั้งด้วยเครื่องที่เหลือ โดยโรยกุ้งแห้ง
เห็ดหอม ถั่วลิสง ให้กระจายทั่วหน้าขนม นำลงนึ่งในน้ำเดือด ประมาณ 25 นาที
ยกขึ้นทิ้งไว้ให้เย็น รอเซ็ทตัว 


5. พอเย็น คอฟฟีเบคเอาไปแช่เย็นไว้สักพักค่ะ แล้วแซะออกง่ายไม่เละ 
นำออกมาตัด โดยทาน้ำมันพืชเล็กน้อยที่มีด ตัดเป็นชิ้นขนาดตามต้องการ 
ถ้าเราทานไม่หมด เอาไปแช่ฟรีสได้นะคะ ยังไม่ต้องทอด จะทานแต่ละครั้งก็
นำออกมาทิ้งให้คลายความเย็น แล้วทอดทั้งแผ่น ตามปริมาณที่ต้องการในแต่
ละจาน ระหว่างทอด ใช้ตะหลิวตัดแบ่งก็ได้ค่ะ ไม่ต้องใช้มีดหั่นไว้ก่อน 
หลากหลายเทคนิค และความสะดวกค่ะ ทำตามใจบ้านฉันบ้านเธอเลยนะคะ อิอิ

แต่ถ้าทานแบบติ่มซำ แนะนำให้ทานเลยอร่อยกว่าค่ะ
เสร็จแล้วค่ะ ตัวแป้งขนมผักกาด
เอามาทอดทานเป็นติ่มชำก็แบบนี้ รับประทานกับน้ำจิ้มซีอิ๊วเปรี้ยวหวาน หรือ
ไม่ทอดก็ทานจิ้มกับน้ำจิ้มได้ 




                                                                             วีดีโอ





อ้างอิง
http://cooking.kapook.com/view107071.html 29/07/58
https://www.youtube.com 29/07/58

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สวนพฤกษศาสตร์

                                        ต้นกะท้อน

กระท้อน ภาษาอังกฤษ Santol, Sentul, Red Sentol, Yellow Sentol
กระท้อน ชื่อวิทยาศาสตร์ Sandoricum koetjape ( Burm. f.) Merr. 
วงศ์    MELIACEAE 
ชื่ออื่น สะตู สตียา (นราธิวาส), สะโต (ปัตตานี), เตียนล่อน สะท้อน (ภาคใต้), มะติ๋น (ภาคเหนือ), มะต้อง (อุดรธานี,ภาคเหนือ) เป็นต้น


ลักษณะของกระท้อน
  • ต้นกระท้อน เชื่อว่ามีถิ่นกำเนิดแถวอินโดจีนและมาเลเซียตะวันตก ก่อนจะแพร่ขยายไปในอินเดีย อินโดนีเซีย มอริเชียส และฟิลิปปินส์จนกลายเป็นพืชท้องถิ่นไป โดยจัดเป็นไม้ยืนต้นสูงประมาณ 15-30 เมตร เปลือกต้นเป็นสีเทา
กระท้อนประโยชน์



  • ใบกระท้อน ลักษณะของใบเป็นใบประกอบ ใบย่อยมี 3 ใบ คล้ายรูปรีแกมไข่ เมื่อใบแก่จัดจะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดง โดยความกว้างของใบประมาณ 6-15 เซนติเมตร และยาว 8-20 เซนติเมตร
ใบกระท้อน
  • ดอกกระท้อน ลักษณะของดอกกระท้อน กลีบดอกเป็นสีเหลืองนวล ออกดอกเป็นช่อที่ซอกใบปลายกิ่ง และมีดอกย่อยจำนวนมาก






  • ผลกระท้อน รูปทรงกลมแป้น ผิวมีขนคล้ายกำมะหยี่อ่อนนุ่ม ผลอ่อนจะมีสีเขียวมีน้ำยางสีขาว เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและมีน้ำยางที่น้อยลง ผลกระท้อน มีขนาดประมาณ 5-15 เซนติเมตร ภายในมีเมล็ด 4-5 เมล็ดและมีปุยสีขาว ๆหุ้มเมล็ดอยู่ และเมล็ดมีรูปรีมีปลอกเหนียวห่อหุ้มอยู่
ผลกระท้อน


สายพันธุ์กระท้อน สำหรับสายพันธุ์ของกระท้อนที่ได้รับความนิยมนั้นเป็นพันธุ์กระท้อนห่อที่มีรสหวาน ได้แก่ 

พันธุ์ปุยฝ้าย

พันธุ์ปุยฝ้ายหรือปุยฝ้ายแท้เป็นกระท้อนพันธุ์พื้นเมืองของ ต.ตะลุง เป็นที่นิยมบริโภคมากที่สุด เพราะผลกระท้อนมีรสหวาน มีเปลือกที่นิ่มเหมือนกำมะหยี่ และเม็ดกระท้อนมีปุยเหมือนปุยฝ้าย จึงเป็นกระท้อนที่จำหน่ายได้สูงสุด ขนาดของผลมีตั้งแต่เล็กไปถึงใหญ่ สีเหลืองนวลสวย ผลกลมแป้น เม็ดกระท้อนจะมีปุยมากกว่าสายพันธุ์อื่น ปุยกระท้อนเมื่อทานไปแล้วจะเหมือนว่า ปุยกระท้อนละลายในปาก ชาวสวนกระท้อนนิยมเรียกว่าปุยฝ้ายแท้ เป็นพันธุ์ที่กลายมาจากพันธุ์ทองหยิบ

พันธุ์อีล่า

พันธุ์อีล่าหรือปุยฝ้ายเกษตรเป็นกระท้อนพันธุ์พื้นเมือง จ.ปราจีนบุรี ซึ่งชาวบ้าน ต.ตะลุง ได้รับแจกสายพันธุ์มาจากกระทรวงเกษตร เล่ากันว่าชาวปราจีนบุรี เรียกกระท้อนพันธุ์นี้ว่าปุยฝ้ายเหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่รสชาติที่กระท้อนอีล่าเมื่อยังไม่แก่จัดจะมีรสอมเปรี้ยว และผลกระท้อนจะมีขนาดใหญ่มากบางผลน้ำหนักถึง 0.9 กิโลกรัม ขนาดของผลมีขนาดใหญ่ ผิวจะไม่เรียบ สีโทนเหลืองสด ผลคล้ายเป็นจุก รสอมเปรี้ยวเมื่อยังไม่แก่จัด หากผลแก่รสชาติจะหวานมีปุยเหมือนปุยฝ้ายกระท้อนพันธุ์อีล่า มักจะสุกช้ากว่ากระท้อนทุกพันธุ์

พันธุ์ทับทิม

เป็นกระท้อนพันธุ์เมืองดั้งเดิม ของ ต.ตะลุง แต่ไม่มีคนรู้จักมากนัก เนื่องจากมีชาวสวนที่ปลูกกระท้อนพันธุ์ทับทิมไม่มาก แต่ด้วยรสชาติที่มีรสหวาน ลักษณะผลกลม มีขนาดไม่ใหญ่มาก สีเหลืองนวล ผิวกระท้อนเรียบเนียนสวย เปลือกนิ่ม ผลกลม

พันธุ์นิ่มนวล

เป็นกระท้อนที่มีลักษณะ เปลือกบาง เนื้อหนานิ่ม ไม่กระด้าง ปุยหุ้มเมล็ดหนาฟู รสหวานจัดเป็นสายพันธุ์ที่นิยมบริโภคกันมาก ทรงผลกลมแป้น มีขั้วสั้น ผิวเปลือกเรียบมีสีเหลืองอมน้ำตาล เปลือกบาง ขนาดผล 300 - 600 กรัมต่อผล ผลกลม
กระท้อน เป็นผลไม้ที่มีธาตุโพแทสเซียมสูง จึงไม่ค่อยเหมาะนักสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคไต เพราะผู้ป่วยบางรายอาจจะมีภาวะโพแทสเซียมสูงอยู่แล้ว จึงต้องควบคุมการรับประทานโพแทสเซียมเป็นพิเศษ และสำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้เป็นโรคไตก็ไม่ควรประมาท เนื่องจากมีการตรวจพบว่ากระท้อนก็มีสารฟอกขาว (สารโซเดียมไฮโดรซัลไฟต์) ปนเปื้อนได้เช่นกัน ซึ่งหากได้รับเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมากจะเกิดอาการอักเสบตามอวัยที่สัมผัส เช่น ปากและกระเพาะอาหาร รวมไปถึงมีอาการแน่นหน้าอก ปวดท้อง อาเจียนอีกด้วย

สรรพคุณของกระท้อน

  1. ใช้ทำเป็นยาธาตุ (ราก)
  2. ใช้ใบสดต้มอาบแก้ไข้ (ใบ)
  3. ใบกระท้อน สรรพคุณช่วยขับเหงื่อ (ใบ)
  4. สรรพคุณของกะท้อน รากกระท้อนช่วยแก้บิด (ราก)
  5. ช่วยแก้อาการท้องเสีย (ราก)
  6. ใช้ทำเป็นยาขับลม (ราก)
  7. กระท้อนสรรพคุณใช้เป็นยาฝาดสมาน (ผล)
  8. ช่วยรักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน (เปลือก)
  9. สรรพคุณกระท้อน หลายส่วนของกระท้อนมีสรรพคุณออกฤทธิ์แก้อาการอักเสบ
  10. สารสกัดจากเมล็ดกระท้อนมีฤทธิ์เป็นยาฆ่าแมลง
  11. สารสกัดจากกิ่งกระท้อนมีผลยับยั้งมะเร็งในหลอดทดลองได้

ประโยชน์ของกระท้อน

  1. กระท้อนประโยชน์ ผลใช้รับประทานเป็นอาหาร ใช้ทำอาหารคาวหวานได้หลากชนิด เช่น แกงคั่ว แกงฮังเล ผัด ตำกระท้อน ส่วนอาหารหวานก็เช่น กระท้อนทรงเครื่อง กระท้อนลอยแก้ว กระท้อนดอง กระท้อนกวน กระท้อนแช่อิ่ม เยลลี่กระท้อน แยมกระท้อน น้ำกระท้อน หรือใช้กินเป็นผลไม้สดก็ได้เช่นกัน (ผล)
  2. ประโยชน์กระท้อน ลำต้นใช้ทำเป็นไม้ใช้สอยต่าง ๆ เช่น ทำไม้กระดาน เป็นต้น (ต้น)
  3. ประโยชน์ของกระท้อน กระท้อนเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว มีฤทธิ์เย็น จึงเหมาะกับผู้ที่เกิดในเดือนสิงหาคม กันยายน และตุลาคม ซึ่งธาตุเจ้าเรือนอยู่ในธาตุน้ำ

คุณค่าทางโภชนาการของกระท้อนต่อ 100 กรัม 


  • โปรตีน 0.118 กรัม
  • ไขมัน 0.1 กรัม
  • ใยอาหาร 0.1 กรัม
  • ธาตุแคลเซียม 4.3 มิลลิกรัม
  • ธาตุฟอสฟอรัส 17.4 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก 0.42 มิลลิกรัม
  • แคโรทีน 0.003 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี1 0.045 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี3 0.741 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 86.0 มิลลิกรัม

                                                         รูปภาพส่วนต่างๆของกระท้อน










                                                            รูปภาพอาหารที่ทำจากกระท้อน












                                                                 วีดีโอเกี่ยวกับต้นกระท้อน







อ้างอิง 
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99

https://www.google.co.th/search?sclient=psy-ab&biw=1600&bih=755&q=%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99&oq=%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99&gs_l=serp.3..0i7i30l3j0i7i10i30.4990.8340.0.8739.6.6.0.0.0.2.664.2196.2-3j2j0j1.6.0....0...1c.1.64.psy-ab..2.4.1205.35IY95dLWiE&pbx=1&cad=cbv&sei=0iqjVdPDNI6_uASStaHwAw

http://frynn.com/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/




วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประวัติส่วนตัว นางสาวเพชรรัตน์ พานพิศ

ประวัติส่วนตัว



ชื่อ นางสาวเพชรรัตน์  พานพิศ   ชื่อเล่น  เพชร

เกิดวันที่ 19 เมษายน 2541  อายุ 17 ปี

กำลังศึกษาระดับชั้น    มัธยมศึกษาปีที่ 6/2   เลขที่ 19

กำลังศึกษาที่     โรงเรียนกระสังพิทยาคม

คุณครูที่ปรึกษา 1.คุณครู ธีรภัทร์  สัตตารัมย์
                            2.คุณครู วรภัทร  นนท์ศิริ

ที่อยู่                  บ้านเลขที่193 ม.6 ต.กันทรารมย์ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ 31160

บิดาชื่อ             นายสายฝน  พานพิศ
มารดาชื่อ         นางยุพิน       พานพิศ

หมู่เลือด โอ

มหาวิทยาลัยที่อยากเข้าศึกษาต่อ  มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
                                                             มหาวิทยาลัยขอนแก่น
                                                             มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
                                                             มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
                                                             มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์
                                                             วิทยาลัยพระบรมราชชนนี
                                                             วิทยาลัยพยาบาลทหาร

คณะที่ต้องการศึกษาต่อ                คณะพยาบาลศาสตร์
                                                          คณะคุรุศาสตร์,ศึกษาศาสตร์ (สาขา ชีววิทยา)

อาชีพที่ใฝ่ฝัน                                  พยาบาล,ครู

วิชาที่ชอบ                                        ชีววิทยา

วิชาที่ไม่ชอบ                                   คณิตศาสตร์

สีที่ชอบ                                             สีฟ้า

อาหารที่ชอบ                                   ผัดเผ็ดปลาดุก

คติประจำใจ                                     ยอมแพ้ได้ไง ในเมื่อหัวใจยังเต้นอยู่

E-mail                                                Phet.602@gmail.com

Facebook                                          Phet Pedcharat

ID Line                                             Phet_ty.b2

โทรศัพท์                                         0610524546

                                                               แผนที่บ้าน




                                                  รูปภาพกิจกรรมที่ประทับใจ






                                                       เพื่อนๆและคุณครูอันเป็นที่รัก